วันที่: 2021-06-21 13:11:22.0
หลักสูตร Facebook Ads Programming (Highest Level) - สอนเขียนโปรแกรมยิงแอดเฟสบุ๊ก - Level ระดับสูงสุด
ระบบเปิดที่เฟสบุ๊คอนุญาตให้เขียนโปรแกรมสั่งงานแอด แล้วคุณจะเป็น Facebook Expert ระดับโลก นักการตลาดออนไลน์ 1,000 คนจะมีแค่ 1 คนที่รู้เรื่องนี้
ภาษา JavaScript ถ้าคุณจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ Digital Marketing แบบมือโปรตัวจริง คุณต้องรู้ ภาษา JavaScript
ที่ Facebook ซ่อนไว้ ยิงแอดหากลุ่มเป้าหมายที่ไม่เหมือนใคร ปิดขายง่าย ไม่ต้องแข่งกับธุรกิจอื่น
แบบอัตโนมัติ ตั้งค่าแอด ปรับแอด แบบไวสุด ๆ ปกติใช้เวลาเป็นชั่วโมง เหลือแค่ไม่กี่นาที
แบบแตกต่างวัตถุประสงค์เพื่อ Optimize ค่าแอด และกำไรให้ได้คุ้มที่สุด
1,000 กลุ่มเป้าหมาย ใน 1 นาที ใช้ AI / Machine Learning ปรับ Optimize การยิงแอด แบบอัตโนมัติ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มากที่สุด แต่เสียค่าแอดถูกที่สุด
1000 กลุ่มเป้าหมาย ไม่ซ้ำกัน ยิ่งกลุ่มเป้าหมายเยอะ AI ยิ่งเก่ง ยิ่งเรียนรู้ได้เยอะ ชนะคู่แข่งด้วยการฝึก AI แบบเข้มข้น AI ของ account คุณจะเก่งกาจกว่าของคู่แข่ง
ใช้ Machine Learn แบบขีดสุด แปลว่าคุณยังไม่ได้ใช้ความสามารถของเฟสบุ๊กอย่างเต็มที่
ตามเงื่อนไขอัตโนมัติ สร้าง Automation Rules แอดแย่ ขาดทุนปิดอัตโนมัติทันที แอดดีปรับงบเพิ่ม
และนำมาปรับแก้ไขแอดแบบ Realtime อ่านค่าสถิติที่ถูกซ่อนไว คู่แข่งดูไม่ได้ แต่เราดูได้ ใครมี Data มากกว่าละเอียดกว่าคนนั้นชนะ
สร้าง Custom Audience , Lookalike Audience ทุกรูปแบบ
คัดเลือกเฉพาะลูกค้าที่มีแนวโน้มซื้อสูง แล้วทำโฆษณาซ้ำ (Remarketing / Retargeting) ต่อเนื่องกับลูกค้าที่คัดเลือกมา ให้เห็น Ad หลายตัว ต่อเนื่อง จนตัดสินใจซื้อ
แบบกำหนดจำนวนวันที่ลูกค้าจะเห็น Ad ต่อเนื่อง สำคัญมากเพราะการกำหนดวันที่เห็น Ads จะช่วยลดความถี่ในการแสดง Ads ตัวเดิมกับลูกค้าคนเดิม ลดปัญหา Ad Fatigue (ผลลัพธ์ลดลงเพราะการแสดงซ้ำกับลูกค้าคนเดิม)
ลดปัญหา Ad Fatigue (ผลลัพธ์ลดลงเพราะการแสดงซ้ำกับลูกค้าคนเดิม)
Facebook Marketing
|
---|
Section 4 Facebook Marketing for e-Commerce เรียนรู้วิธีทำการตลาด ผ่าน Facebook อย่างมีประสิทธิภาพ
เน้นเรียนรู้วิธีการสร้างธุรกิจและเพิ่มยอดขายสินค้าหรือบริการด้วยการใช้ Facebook สอนทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำการตลาดด้วย Facebook และเน้นจุดที่สำคัญที่สุดในการใช้ Facebook เพื่อให้เกิดยอดขายได้จริง เทคนิคที่สอนถูกทดสอบมาแล้วว่านำไปใช้แล้วเห็นผลได้จริง
พร้อมเทคนิคการตั้งค่า Page สำหรับการทำธุรกิจ เพื่อส่งเสริมการทำ eCommerce และการทำการตลาดออนไลน์ด้วย Facebook ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เจาะลึกเทคนิคการตั้งค่าข้อมูลใน Page ทุกจุดที่ธุรกิจต้องทำ เพื่อสร้าง Page ที่เหนือกว่าคู่แข่งและสร้าง Page ที่โดนใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจของคุณ
การตั้งค่ากำหนดกลุ่มเป้าหมาย เช่น อายุ เพศ การศึกษา ความสนใจ หรือ พฤติกรรมที่ผ่านมา เพื่อให้โฆษณาแสดงตรงกลุ่มกับลูกค้าของเรา
ข้อควรระวังต่าง ๆ ของ Facebook Page
เทคนิคการโพส สร้าง content ในไทม์ไลน์ อย่างมีกลยุทธ์เพื่อเพิ่มการมีส่วมร่วม (Like / Comment / Share) ของผู้เข้าชมเพจให้สูงที่สุด เจาะลึกการทำ Content Marketing สร้างฐานข้อมูลลูกค้าด้วย Facebook รวมถึง การตั้งค่า Auto Message ตอบกลับลูกค้าทันทีเมื่อมีข้อความอินบ็อกซ์เข้ามา
ในหลักสูตรนี้จะสอนการทำ Content Marketing อย่างเข้มข้น คุณจะได้เรียนรู้ วิธีการเขียนข้อความ Caption ที่สามารถกระตุ้นความสนใจและเพิ่มความอยากซื้อของลูกค้า ทำให้คุณปิดการขายได้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
คุณจะได้เรียนรู้วิธีการวางแผน เลือก และ ทำ "รูปภาพ" ประกอบ Post ที่จะทำให้ลูกค้าสนใจหยุดดูโฆษณาของคุณ และดึงดูดให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ ด้วยการใช้ รูปภาพ ในการเพิ่มยอดขาย คุณได้เห็นตัวอย่างของ รูปภาพประกอบโพส ที่สามารถสร้างยอดขายเป็นหลักล้านต่อเดือน
เทคนิคการสร้าง VDO Content เพื่อดึงดูกลูกค้าเพิ่มการมีส่วนรวม VDO Content ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำตลาดผ่าน Facebook สามารถลดค่า Ads และเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจ
เราจะสอนทุกวิธีการสร้าง VDO Post และคุณได้รู้ว่า รูปแบบ หรือ VDO Format ในลักษณะใดที่จะทำให้คุณขายได้เพิ่มขึ้น
ที่เหนือกว่า ด้วยการสร้าง Content ที่แทรกจิตวิทยาการขายเข้าไปในเนื้อหา คุณจะได้เรียนรู้วิธีการใช้ "จิตวิทยาการขายแบบออนไลน์" เข้าใจวิธีการนำเทคนิค Psychology of Sale มาใช้ในการสร้าง Content ที่เมื่อลูกค้าเห็นแล้ว จะกระตุ้นให้ต้องรีบตัดสินใจซื้อ ช่วยให้คุณเพิ่มยอดขายได้อย่างแน่นอน
อาจารย์จะสอนเทคนิคจิตวิทยการขายออนไลน์ที่อาจารย์พิสูจน์มาแล้วว่าใช้แล้วเห็นผลได้จริง ที่สำคัญทั้งหมด Sense of Urgency / Customer Fear / Scarcity / Call to Action / Compelling Value Proposition / Social Proof / Reduce Friction / Eliminate Noise and Distraction
หลักสูตร Facebook Marketing เดียวในไทย!!! ที่สอนเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำ Facebook Marketing ด้วย Psychological Content Marketing
ที่จะเห็นโฆษณาของเรา สามารถเข้าใจเครื่องมือที่ Facebook มีให้ ใช้เครื่องมือของ Facebook วิเคราะห์หาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ที่มีความต้องการซื้อสินค้าหรือบริการของเราจริง ๆ
เรียนเจาะลึกวิธีใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ ค้นหา ตรวจสอบ ลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจของเรา ด้วย Facebook Audience Insights, Page Insights และ Facebook Analytics
การกำหนดลูกค้าเป้าหมาย (Audience Targeting) ถึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ธุรกิจ ประสบความสำเร็จในการขายผ่าน Facebook หากคุณเข้าใจว่าลูกค้าคุณคือใคร หากคุณรู้ว่าลูกค้าของคุณต้องการอะไร คุณจะสามารถวางแผนการทำโฆษณา Facebook ได้อย่างยอดเยี่ยม
เรียนรู้การกำหนดเป้าหมาย ด้วย ตำแหน่งที่ตั้ง อายุ ภาษา (Location Language Age)
เรียนรู้การกำหนดเป้าหมาย ด้วย ข้อมูลประชากร (Demographic)
เรียนรู้การกำหนดเป้าหมาย ด้วย ความสนใจ (Interest)
เรียนรู้การกำหนดเป้าหมาย ด้วย พฤติกรรม (ฺBehavior)
เรียนรู้การกำหนดเป้าหมายแบบขั้นสูง (Combined Audience Targeting) สามารถวางแผนประยุกต์นำ การกำหนดเป้าหมายทุกรูปแบบ มาใช้ร่วมกัน เพื่อให้ได้ลูกค้าเป้าหมายที่ตรงกับสินค้าหรือธุรกิจของคุณให้ได้ใกล้เคียงมากที่สุด
คุณจะได้รู้เรียน วิธีการกำหนดเป้าหมายลูกค้า ทุกวิธีที่ Facebook มีให้ และคุณจะเลือกเป็นว่าต้องใช้วิธีไหน สำหรับธุรกิจของคุณ และคุณจะได้เรียนรู้ "วิธีกำหนดเป้าหมายที่สำคัญที่สุด" ที่อาจารย์ได้ทดสอบและใช้งานจริงมาแล้วว่าการกำหนดเป้าหมายลูกค้าได้วิธีเหล่านี้จะได้ทำให้คุณเพิ่มยอดขายได้อย่างแน่นอน
เข้าใจและรู้วิธีในการเลือกเครื่องมือการตลาดทั้งหมดที่ Facebook มีให้
FACEBOOK INCREASE CONVERSIONS AND ENGAGEMENT , FACEBOOK BOOST POSTS , PROMOTE PAGE , FACEBOOK REMARKETING PIXEL , FACEBOOK INCREASE BRAND AWARENESS , FACEBOOK COLLECT LEADS FOR BUSINESS , FACEBOOK RAISE ATTENDANCE AT EVENT , INSTAGRAM
การรับรู้แบรนด์ (Brand awareness) เพิ่มการรับรู้สำหรับแบรนด์โดยเข้าถึงผู้คนที่มีแนวโน้มจะสนใจแบรนด์นี้
การรับรู้ในพื้นที่ (Local awareness) วิธีโปรโมทธุรกิจตามกลุ่มพื้นที่ เช่น ต้องการโปรโมทร้านอาหารให้เข้าถึงกลุ่มคนที่อยู่ภายในระยะ 10 กิโลเมตรจากร้าน
การเพิ่มจำนวนผู้เข้าชม (Traffic) ส่งคนเข้าชมเว็บปลายทางทั้งในและนอก Facebook มากขึ้น
การมีส่วนร่วม (Engagement) เพิ่มจำนวนการมีส่วนร่วมกับโพสต์ การกดถูกใจเพจ การตอบรับงานกิจกรรม หรือการขอรับข้อเสนอ
การเพิ่มจำนวนการติดตั้งแอพ (App installs) เพิ่มจำนวนผู้ที่ติดตั้งแอพของคุณ
การสร้างลูกค้าเป้าหมาย (Lead generation) เก็บข้อมูลของลูกค้าเป้าหมาย เช่น ที่อยู่อีเมล จากผู้คนที่สนใจแบรนด์ หรือธุรกิจของคุณ
การเพิ่มจำนวนการรับชมวิดีโอ (Video views) เพิ่มจำนวนคนที่มาดูวิดีโอของคุณ
การเพิ่มจำนวนการส่งข้อความ (Messages) เพิ่มจำนวนคนส่งข้อความ Inbox
การเพิ่มจำนวนการสั่งซื้อ (Conversions) เพิ่มจำนวนคนสั่งซื้อ หรือ ทำเป้าหมายตามที่กำหนด
ยังไงให้ได้ยอดสั่งซื้อและทำให้เกิดการซื้อซ้ำจากลูกค้าเก่าด้วยการทำ Facebook Remarketing Pixel และสร้างการจำจด Brand สินค้าของเรา
เทคนิคการควบคุมและลดค่าใช้จ่ายในการซื้อ Facebook Ads โฆษณา เพิ่มผลกำไรให้ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เจาะเทคนิคการกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายด้วยการเลือก Interest ที่ถูกต้อง เพื่อได้ยอดขายให้สูงที่สุด Custom Audiences คืออะไร, Lookalike Audiences คืออะไร เทคนิคการสร้าง Facebook Ads แบบ A และ แบบ B จากนั้นวัดผลทดสอบ เปรียบเทียบความคุ้มค่า เพื่อทำการเลือก Ads ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด รวมถึงการทดสอบ Facebook Ads เดียวกันกับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน เพื่อคัดเลือกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ใช่ที่สุดสำหรับธุรกิจของเรา
รู้วิธีการใช้ Inbox Facebook Messenger เพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้า เสนอขายแบบใกล้ชิดตัวต่อตัวด้วยระบบ Chat Messenger รวมถึงการนำ Line@ และ Line Official Account มาช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าและเพิ่มประสิทธิการเสนอขายด้วยเครื่องมือของ Line@ และ Line Official Account
ทำการตลาดผ่าน Instagram เจาะกลุ่มผู้ใช้ Instagram เพิ่มโอกาสขายและขยายตลาดให้แก่ธุรกิจของคุณ
Advanced Facebook Marketing
|
---|
Section 5 Advanced Facebook Tactics เจาะลึกเทคนิคขั้นสูง Facebook Marketing เรียนรู้เทคนิคใหม่ล่าสุด ที่ปัจจุบันธุรกิจต้องรู้
สร้างโพสแบบ Canvas และสร้าง Collection Ads รวม Text+Photo+VDO+Grahpic อยู่ในโพสเดียว เทคนิคการนำเสนอขาย ด้วย Content แบบ Multimedia สร้างเรื่องราวการขายแบบประสบการณ์ใหม่กับลูกค้า เพิ่มความโด่ดเด่นของ Ads ให้เหนือคู่แข่ง ธุรกิจทำการตลาดด้วย Facebook ในปัจจุบัน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจการสร้าง Canvas และ Collection Ads
เข้าใจและสามารถวางแผนการทำ Custom Audience ที่จะทำให้ Facebook Marketing ประสบความสำเร็จได้สูงสุด
ยิง Ads กับคนที่เคยมีส่วนร่วมกับ Post หรือ Page
ยิง Ads กับคนที่เคยเข้า Website
ยิง Ads กับรายชื่อลูกค้าเดิมที่ผ่านมาของธุรกิจ
ยิง Ads กับคนที่เคยเปิดดู Content ที่เป็น VDO สามารถระบุได้ว่า คนที่เคยดูวีดีโอนาน ระยะเวลาเท่าใด
ยิง Ads กับคนที่เคยเปิดดู Canvas
ยิง Ads กับคนที่เคย เปิดหรือกรอกแบบฟอร์ม
ยิง Ads กับคนที่เคยร่วมงานกิจกรรม
เข้าใจและสามารถวางแผนการทำ Lookalike Audience ใช้ระบบฐานข้อมูลของ Facebook ให้หาลูกค้าใหม่ ที่มีความคล้ายหรือพฤติกรรมเหมือนกัน กับลูกค้าเดิมที่ธุรกิจประสบความสำเร็จใจการขายมาแล้ว
Custom Audience และ Lookalike Audience ถึงเป็นเทคนิคการกำหนดเป้าหมายลูกค้าที่สำคัญมากในปัจจุบัน ที่จะทำให้การทำ Facebook Marketing ได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่วางไว้
ด้วย Pixel , Conversion และ Event Tracking ลงมือปฎิบัติ ติดตั้ง เขียนโค๊ด Pixel และ Event Tracking
เข้าใจรูปแบบคำสั้ง ภาษา JavaScript (Web Programming) เพื่อการทำ Conversion และ Event Tracking นำไปใช้ในการสร้าง Custom Audience กลุ่มเป้าหมายแบบพิเศษ เพื่อทำ Retargeting แบบขั้นสูง
ให้ Facebook หาลูกค้าที่มีพฤติกรรมแบบพิเศษตามเป้าหมายของธุรกิจ เช่น หาคนที่ชอบทำการสั่งซื้อสินค้า หาคนที่ชอบกดปุ่ม Add Line เพื่อสั่งซื้อสินค้า การใช้ Campaign Conversion เพื่อสร้าง ROI (Return on Investment) ผลกำไรจากงบการตลาดให้ได้สูงที่สุด
ในการ "วางแผนทำโฆษณา" แบบมีแนวทางชัดเจน ที่ทำตามแล้วเห็นผลได้แน่นอน 100%
การสร้าง Ads แบบลึกล้ำ!! เล่นกับการกำหนดเป้าหมายด้วย "ข้อมูลประชากร" และ "ความสนใจ" ของผู้ใช้ Facebook อย่างแยบยล สร้างการรับรู้แบบ "สะกดใจ" เฉพาะบุคคล ต้องหยุดดูโฆษณาของเรา แน่นอน!!
หากคุณสามารถทำให้เค้า "หยุด" ที่โฆษณาของเราได้ นั้นแหละ หนทางสู่ 100 ล้าน ด้วย Facebook
ไม่ใช้แค่สอนให้คุณรู้ทุกเทคนิคในการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย , ไม่ใช้แค่สอนให้คุณแค่อ่าน Report หรือดูค่าสถิติเป็นทุกค่า เพราะ ต่อให้คุณตั้งโฆษณาเก่งมาก หรือ รู้และเชี่ยวชาญในทุกเครื่องมือโฆษณาที่ Facebook มีให้ แต่ถ้าคุณไม่รู้วิธีที่จะนำ Facebook มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจ "ให้เป็น" และ สามารถทำให้เกิด "ยอดขายได้แบบต่อเนื่อง" ก็ไม่มีประโยชน์
สร้างการรับรู้ Brand ทำให้คนรู้จักและจดจำธุรกิจของคุณ ด้วย การเชื่อมโยง Facebook Page กับ Branding Website ทำให้สามารถเข้าถึงผู้ใช้ Facebook กว่า 47 ล้านคนในไทย ได้ทันที
เพิ่มความเชื่อมั่น และ สร้าง Brand Royalty ลูกค้าไม่ใช้แค่เห็น Post โฆษณาใน Facebook แต่ทำให้ลูกค้าได้เรียนรู้ Brand ของคุณอย่างครบถ้วนในทุกแง่มุม กระตุ้นความอยากซื้อ ปิดการขาย และสร้างความจงรักภักดีใน Brand จากการเชื่อม Post ใน Page เข้ากับเว็บไซต์เพื่อสร้างการรับรู้ใน Brand อย่างสมบูรณ์แบบ
ปัจจุบันทุกธุรกิจ แข่งกันซื้อโฆษณา Facebook เสียเงินซื้อโฆษณาจำนวนมาก แต่บางครั้งได้ผลตอบรับกำไรไม่คุ้มค่าโฆษณา
จุดสำคัญคือ ต้องหาวิธีซื้อ Ads ให้ถูก หรือ ถ้าถูกไม่ได้ ต้องทำให้ขายได้กำไรคุ้มค่าที่สุด จ่ายค่า Ads 10 บาทต้องขายได้ 50 หรือ 100 บาท ไม่ใช่จ่าย 10 บาท ขายได้ 5 บาท หรือ ขายไม่ได้เลย
ถ้าคุณมีแต่ Post โฆษณา คุณเสียโอกาสขาย ลูกค้าเห็น Post เพียง Post เดียว ไม่พอที่จะทำให้รับรู้ทุกอย่าง แต่ถ้าลูกค้าเห็น Post แล้วเราดึงเข้ามาที่ Website ลูกค้าสามารถเรียนรู้ รายละเอียดสินค้า ภาพรวมธุรกิจของเราทั้งหมด ทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในตัวสินค้า กล้าที่จะตัดสินใจซื้อได้
และที่สำคัญเราไม่ควรจะผูกติดธุรกิจกับ Platform การตลาด หรือ การขาย ตัวใดตัวหนึ่งเพียงอย่างเดียว มีความเสี่ยง
เพราะถ้าเราถูกระงับโฆษณา หรือ ถูกระงับปิด Page เท่ากับธุรกิจต้องหยุดทันที เพราะไม่มีช่องทางการขายทางอื่น
ลูกค้าไม่อยู่แค่ใน Facebook อย่างเดียว แต่ลูกค้าจำนวนมหาศาล ที่มีความต้องการซื้อจริง ค้นหาในเว็บไซต์ Google ทุกวันตลอดเวลา
ลองนึกภาพตามนะครับ ปกติเราเอง เวลาจะไปเที่ยวไหนหรืออยากซื้ออะไร สิ่งแรกที่เรา ทำคือ เปิด Google ค้นหา
อยากไป เที่ยวญี่ปุ่น เราค้น Google “เที่ยวญี่ปุ่น” “ทัวร์ญี่ปุ่น” “เที่ยวญี่ปุ่นเอง”
อยากซื้อ Iphone X เราค้น Google “ราคา Iphone X” “ขาย Iphone X”
อยากหาร้านอาหารอร่อยแถวลาดพร้าว เราค้น Google “ร้านอร่อย ลาดพร้าว” “ร้านแนะนำ ลาดพร้าว”
ถ้าลองสังเกตพฤติกรรมของตัวเองดี ๆ จะพบว่า เวลาเรามีความต้องการจะซื้อของหรือบริการ
พร้อมที่จะจ่ายเงินซื้อ สิ่งแรกที่เราจะทำคือ ค้น Google ไม่ได้เข้า Facebook
ดังนั้นแล้ว เราไม่ควรพลาด โดยการเพิ่งพิงการขาย ผ่าน Facebook อย่างเดียว ลูกค้าจำนวนมากที่พร้อมจะจ่ายเงินทันทีอยู่ใน Google
แต่การจะ ทำการตลาดผ่าน Google ให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งแรกที่ต้องทำให้ดีที่สุดคือต้องสร้าง Branding Website ที่น่าดึงดูด
ทำให้คนเข้าเว็บแล้ว สามารถรับรู้ข้อมูลสินค้าได้ง่ายที่สุด และที่สำคัญข้อมูลสินค้าหรือธุรกิจ ต้องทำให้ดีที่สุด ทำให้ลูกค้า อ่านแล้ว กระตุ้นให้เค้าตัดสินใจซื้อให้ได้
หลังจากเรามี Website ที่สมบูรณ์ แล้ว ต้องทำให้เว็บไซต์ เข้าไปอยู่ในหน้าแรก ด้านบน ของ Google ให้ได้ วิธีทำให้เว็บไซต์ติดอยู่หน้าแรก Google มี 2 วิธี
วิธีที่ 1. ใช้ระบบโฆษณา Google Adwords จ่ายเงินให้ Google อยู่หน้าแรกทันที 100% เทคนิคสำคัญคือ ทำยังไงให้ จ่ายเงินซื้อโฆษณาถูก แต่ขายได้กำไรสูง
วิธีที่ 2. ทำคะแนนให้เว็บไซต์ ด้วยเทคนิค SEO ใช้เวลานานหลายเดือน หรือ เป็นปี โอกาสติด Google ไม่แน่นอน แต่ไม่เสียเงิน
* Ran4U.com เป็น Official Google Partner ที่ทำงานร่วมกับ ทีมงาน Google ใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง
Interesting Fact:
คุณรู้หรือไม่ว่า รายได้ จากธุรกิจโฆษณา ของ Google มากกว่า Facebook เกือบ 3 เท่า ทั้ง Google และ Facebook รายได้หลักมาจากธุรกิจขายโฆษณา
- รายได้รวมทั้งปี Google อยู่ที่ 89,500 ล้านดอลลาร์
- รายได้รวมทั้งปี Facebook อยู่ที่ 27,600 ล้านดอลลาร์
นั้นแปลว่าโดยค่าเฉลี่ยแล้วธุรกิจทั่วโลก ประสบความสำเร็จในการทำการตลาดออนไลน์ผ่าน Google มากกว่า Facebook ถึงเลือกซื้อโฆษณากับ Google มากกว่า
แต่สำหรับนักธุรกิจอย่างเรา แล้ว ผมคิดว่าไม่ต้องเลือก ว่าจะใช้ Facebook หรือ Google
วิธีที่ดีที่สุดคือใช้ ทั้ง 2 อย่างพร้อมกัน แต่ต้องใช้ให้เป็น รู้จังหวะในการยิง Ads
วางแผนเป็นว่าสินค้าแบบนี้ควรจัดสรรงบประมาณในการซื้อ Ads Facebook หรือ Google ในอัตราส่วนเท่าไหรดี และต้องวัดผลให้เป็น
Youtube เป็น Digital Media ที่มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดอันดับที่ 3 รองจาก Facebook และ Google
จากสถิติ คนไทย เปิด Youtube ดูวีดีโอเฉลี่ย วันละ 1-2 ชั่วโมงต่อวัน
ดังนั้นแล้ว เราไม่ควรมองข้ามการโฆษณาผ่าน Youtube ค่าโฆษณาใน Youtube คิดเป็น Cost per view คือคิดตามจำนวนครั้งที่มีคนดูวีดีโอโฆษณาของเรา
และเราจะเสียค่าโฆษณาก็ต่อเมื่อคนดูวีดีโอโฆษณาของเรา นานกว่า 30 วินาที ถ้าคนดูกดข้ามปิดวีดีโอก่อน 30 วินาที เราจะไม่เสียเงิน ได้โฆษณาฟรี
และเนื่องจากธุรกิจในไทย ส่วนมากยังไม่ค่อยนิยมทำการตลาดผ่าน Youtube จึงทำให้ค่าโฆษณาของ Youtube ถูกกว่า Facebook หลายเท่า
ถ้าคุณทำธุรกิจ เห็นช่องว่างตรงนี้อยู่ ควรจะรีบใช้ประโยชน์จากการทำการตลาดผ่าน Youtube ในขณะนี้ ที่ค่าโฆษณายังถูกอยู่
แต่การทำ VDO โฆษณาใน Youtube ลูกค้าจะได้เรียนรู้สินค้าของเราจาก VDO แต่ถ้ามีแต่ VDO ไม่มีเว็บที่จะคอย Follow up ให้ลูกค้าเข้าดูรายละเอียดสินค้าเพิ่ม และทำการสั่งซื้อได้เลย ก็จะทำให้การขายไม่สมบูรณ์
ดังนั้นในทุก VDO โฆษณาต้องมีการเชื่อมเข้าไปที่ Website เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อได้
|
|
|